สีทาบ้าน 2 in 1 ช่วยประหยัดยังไง

           การเลือกสีทาบ้านในยุคปัจจุบันไม่ได้วัดกันแค่เรื่อง “เฉดสี” หรือ “ความสวยงาม” อีกต่อไป เพราะหนึ่งในปัจจัยที่เจ้าของบ้าน ผู้รับเหมา และนักออกแบบยุคใหม่ให้ความสำคัญคือ ความคุ้มค่าในระยะยาว โดยเฉพาะในแง่ของ “งบประมาณ เวลา และแรงงาน” ซึ่งสิ่งที่ตอบโจทย์ได้ดีในเรื่องนี้คือ สี 2 in 1 หรือสีทาบ้านที่ รวมสีรองพื้นและสีทับหน้าไว้ในหนึ่งเดียว

สี 2 in 1 คืออะไร
           สี 2 in 1 (Two-in-One Paint) คือ สีน้ำอะคริลิก ที่รวมเอาคุณสมบัติของ “สีรองพื้น” และ “สีทับหน้า” ไว้ในถังเดียว ไม่ต้องแยกขั้นตอนการทาสีเหมือนในอดีต กล่าวง่ายๆ ก็คือ ทาได้เลยโดยไม่ต้องรองพื้นก่อน ในบางพื้นผิว (โดยเฉพาะผนังปูนใหม่หรือเก่าที่ไม่มีรอยแตกร้าวหรือคราบสกปรกหนัก)

6 วิธีที่สี 2 in 1 ช่วยประหยัดได้จริง
1. ประหยัดค่าวัสดุ
          การใช้สี 2 in 1 ช่วยตัดงบประมาณในส่วนของ “สีรองพื้น” ออกไปทันที ไม่ต้องซื้อสีรองพื้นคนละชนิดหรือแยกประเภท ลดจำนวนถังสีที่ต้องซื้อลงได้มากตัวอย่างเช่น
งานบ้าน 1 หลัง อาจใช้สีรองพื้น 2 ถัง และสีทับหน้า 4 ถัง = รวม 6 ถัง
แต่ถ้าใช้สี 2 in 1 อาจใช้เพียง 4 ถังเท่านั้น = ประหยัดวัสดุไป 2 ถัง

2. ลดค่าแรงช่าง
          สีปกติต้องทา 2–3 รอบ (รองพื้น > สีจริงรอบแรก > สีจริงรอบสอง)
แต่สี 2 in 1 สามารถทาเพียง 1–2 รอบในหลายกรณี ส่งผลให้ลดจำนวนวันทำงาน หมายถึง ลดค่าแรงช่าง ที่คิดตามจำนวนวันหรือตารางเมตร

3. ประหยัดเวลาในการทำงาน
งานทาสีบ้านหรืออาคารที่ต้องรีบส่งมอบ การใช้สี 2 in 1 ช่วยให้งานเร็วขึ้น ลดเวลารอแห้งของชั้นรองพื้น ไม่ต้องเสียเวลากลับมาทารอบใหม่หลายวัน

4. ลดการใช้เครื่องมือทาสี
          เพราะไม่ต้องสลับการใช้งานระหว่างสีรองพื้นกับสีจริง คุณสามารถใช้ลูกกลิ้ง ถาดสี หรือแปรงชุดเดียวกัน ทำให้ลดภาระเรื่องล้างอุปกรณ์และของเสีย

5. ลดโอกาสสีเหลือหรือหมดอายุ
          การใช้สีประเภทเดียวในการทำงานช่วยให้วางแผนปริมาณสีได้แม่นยำ ลดปัญหาสีเหลือเก็บ สีแห้ง หรือหมดอายุเพราะซื้อหลายชนิด

6. คุณสมบัติพิเศษในตัว
          สี 2 in 1 คุณภาพสูง เช่นที่เราจะแนะนำด้านล่าง มักมาพร้อมคุณสมบัติเสริม เช่น ป้องกันความร้อน สะท้อน UV ต้านเชื้อรา ตะไคร่น้ำ ทนแดด ทนฝน สิ่งเหล่านี้ช่วยลดต้นทุนในอนาคต เพราะไม่ต้องทาซ้ำหรือซ่อมบ่อย