ปูนยาแนวกระเบื้องมีไว้ทำไม ทำไมต้องใช้

ทำไมต้องใช้ปูนยาแนวกระเบื้อง
1. ป้องกันสิ่งสกปรกและเชื้อรา
หากไม่มีปูนยาแนว ช่องว่างระหว่างกระเบื้องจะกลายเป็นจุดสะสมของฝุ่นละออง คราบสกปรก และเชื้อรา โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว และพื้นที่ภายนอกบ้าน การใช้ปูนยาแนวจึงช่วยป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกและลดโอกาสที่เชื้อราจะเติบโต

2. ป้องกันน้ำและความชื้นซึมผ่านใต้กระเบื้อง
ในพื้นที่ที่ต้องสัมผัสกับน้ำอยู่เสมอ เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือพื้นภายนอกบ้าน หากไม่มีปูนยาแนวหรือละเลยการยาแนวอย่างถูกต้อง น้ำอาจไหลซึมลงไปใต้กระเบื้อง ซึ่งอาจทำให้พื้นกระเบื้องโก่งตัว หลุดร่อน หรือทำให้โครงสร้างของพื้นเสียหายได้

3. เพิ่มความแข็งแรงและยืดอายุการใช้งานของพื้นและผนังกระเบื้อง
ปูนยาแนวช่วยเสริมให้กระเบื้องยึดติดกันแน่นขึ้น ทำให้พื้นหรือผนังแข็งแรงและทนทานขึ้น หากไม่มีปูนยาแนว กระเบื้องอาจเสี่ยงต่อการแตกร้าว หรือเกิดช่องว่างที่อาจทำให้กระเบื้องเคลื่อนตัวหรือหลุดออกมาได้ง่าย

4. เพิ่มความสวยงาม
ปูนยาแนวมีหลายสีให้เลือกใช้ ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่างกระเบื้องเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความสวยงามและความเรียบร้อยให้กับพื้นและผนังได้อีกด้วย การเลือกสีปูนยาแนวที่เข้ากับกระเบื้องจะช่วยให้ห้องดูมีสไตล์และทันสมัยขึ้น

ประเภทของปูนยาแนวกระเบื้อง
1. ปูนยาแนวชนิดซีเมนต์ (Cement-Based Grout)
เป็นปูนยาแนวที่ใช้กันทั่วไป มีให้เลือกทั้งแบบผสมทราย (Sanded Grout) และแบบไม่มีทราย (Unsanded Grout)
Sanded Grout: เหมาะสำหรับร่องยาแนวที่กว้างกว่า 3 มม. เพราะมีความแข็งแรงสูง ลดการแตกร้าว
Unsanded Grout: เหมาะสำหรับร่องยาแนวที่แคบกว่า 3 มม. เช่น กระเบื้องโมเสก กระเบื้องขนาดเล็ก

2. ปูนยาแนวชนิดอีพ็อกซี่ (Epoxy Grout)
มีความแข็งแรงสูง ทนต่อสารเคมีและคราบสกปรกได้ดี เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความทนทาน เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ และสระว่ายน้ำ

3. ปูนยาแนวชนิดยูรีเทน (Urethane Grout)
มีความยืดหยุ่นสูง สามารถต้านทานความชื้นได้ดี เหมาะสำหรับพื้นภายนอกและพื้นที่ที่มีการขยายตัวของกระเบื้องอยู่บ่อยครั้ง